สวัสดีครับทุกท่าน ห่างหายไปนานเลย มาถึงช่วงสุดท้ายของการไปทริปที่ไต้หวันกันดีกว่า ในช่วงสุดท้ายนี้เราจะอยู่กันในตัวเมืองไทเปครับ ซึ่งผมพักอยู่ที่ Ximen ซึ่งถ้าเปรียบกับบ้านเราก็สยามดีๆนี้เอง และเพราะว่าที่นี้นั้นเป็นเหมือนสยามบ้านเรา ความสนุกสนานจึงบังเกิด สินค้าให้ช๊อปเยอะมว๊ากๆๆ ของกินนั้นก็ยื่งเยอะ และที่สำคัญคือแหล่งช๊อปปิ้งสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ซึ่งก็อายุอานามพอๆกับผมนี้เอง(แอบแอ๊บนิดนึง)
ผมประเดิมมื้อแรกที่นี้ด้วยอาหารญี่ปุ่นครับ หากว่าท่านใดเคยไปต่างประเทศ จะเข้าใจดีว่าการกินอาหารญี่ปุ่นให้อร่อยนั้นปลาต้องสด จะทำให้ได้รสชาติที่ใหม่สด และอร่อยจริง แต่มื้อนี้ที่ผมก็คือข้าวเป็นเซ็ทๆนี้หละครับ ราคาอย่างที่เห็นนี้ก็ไม่แพงมากครับประมาณ 150 บาทไทยเท่านั้น โดยร้านอาหารประเภทนี้จะเยอะมากในทุกๆเส้นของ Ximen เลยครั
หลังจากอิ่มได้ซักนิด ก็หาที่ย่อยอาหารด้วยตลาดกลางคืนครับ ที่ไต้หวันนี้มีตลาดกลางคืนเยอะมากครับ แต่ที่คนไทยนิยมไปกันมาก และไปสะดวกสบายที่สุด ก็คือตลาด Shilin Night Market ครับ ซึ่งมีของกินมากมาย ของขายก็มากมายเช่นเดียวกัน คราวนี้ผมได้ร่มแบบพิเศษเป็นของฝากครับ ที่บอกว่าพิเศษ เพราะว่าผมไม่เคยเห็นในไทย หรือว่ามีแต่ผมไม่รู้หว่า
แต่ก็ซื้อมาแล้ว อย่าได้แคร์ครับ ถือว่าประสบการ์ณชีวิตกันไป และต้องบอกก่อนเลยว่าคนไต้หวันนิยมกินของทอดกันมาก โดยเฉพาะไก่ทอดครับที่ดังๆก็จะมีไก่ทอด Hot Star ชิ้นตามรูปที่เห็นนั้นกินกันได้สองถึงสามคนเลยทีเดียว ราคาตกชิ้นหละ 55 บาทครับ และมีแถมตั๋วสำหรับซื้อครั้งต่อไปลดอีก 5 บาท ถือว่าราคาน่าคบหาสุดๆครับ
และอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เรื่องตลาดกลางคิน เดินทางได้โดยใช้รถไฟฟ้าครับ ซึ่งราคาไม่แพงครับ (ถูกกว่าบ้านเราอย่างลิบลับ) ซึ่งที่นี้นั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้วครับ โดยปกติจะเดินทางได้โดยการซิ้อตั๋วเดินทาง หากซื้อบัตรก็จะมีส่วนลดให้ด้วย (Easy Card) ซึ่งบัตรนี้สามารถใช้เดินทางรถไฟฟ้าได้อย่างสบาย และสามารถซื้อของใน 7-11 ได้ด้วย แถมเก็บแต้มสะสมได้ด้วยครับ
กลับมาจากการเดินตลาดกลางคืนได้เกือบๆจะเที่ยงคืน กะว่าจะกลับโรงแรมนอน แต่คงจะนอนไม่ได้แน่ๆครับ เพราะว่าตลาดที่ Ximen นั้นยังไม่ปิด ก็ได้แต่ข่มใจไว้ แต่ใครจะไปอดใจได้ไหว บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เหมือนปกติ เราก็จัดไปซะหน่อยครับ
และแล้วก็อดใจไม่ไหวจัด เต้าหู้เหม็น หรือ Stricky Tofu ไปอีก1 อย่าง ถ้าว่ากันตรงๆ ใครมาไต้หวันแล้วไม่เคยลองต้องบอกเลยว่ามาไม่ถึงครับ เพราะว่าเต้าหู้เหม็นนั้นเหมือนกับกระเพราไก่ไข่ดาวบ้านเรา มีทุกซอกทุกมุมของตลาดกลางคืนเลยทีเดียว สำหรับหลายๆท่านอาจจะไม่ชอบกลิ่นก่อนทอด แต่หลังทอดไปแล้วกินกับผักดองพร้อมกับซอส ขอบอกเลยครับว่าอร่อยเหาะครับ
ต่อด้วยไก่ทอดครับ เจ้านี้หากใครไปไหนมาไหนด้วยรถไฟฟ้า ออกจากสถานีทางออกที่ 6 ออกมาก็เจอทันทีครับ ราคาก็มีให้เลือกสองไซส์ครับ 55 บาท หรือว่า 100 บาท ถ้าใครชอบรสเครื่องเทศจัดๆบอกได้เลยว่ากินไก่ทอดเจ้านี้ไป อร่อยเหาะอย่าบอกใครครับ รสชาติเยี่ยมมากๆ
หลังจากนั้นก็ออกตะเวนเดินเล่นต่อ แต่ไปสะดุดตากับร่มเจ้าปัญหาครับ เดินมาใกล้ๆปรากฏว่าเค้าขายเข็มกลัดครับ ถือว่าแปลกทีเดียว เพราะว่าสามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้ สบายครับ (มีสาเหตุให้ทำไมต้องหิ้วไปไหนมาไหนได้สะดวกครับ)
หลังจากนั้นก็หมดวันไปกับการกินการเที่ยวครับ ส่วนในช่วงวันก่อนกลับนั้น ก็แถมจะไม่ต่างจากตอนกลางคืน แต่ก่อนกลับก็ต้องจัดหนักกับอาหารไต้หวันที่เป็นแบบบุฟเฟต์ ซึ่งต้องบอกว่าเลยว่าเป็นที่นิยมสำหรับคนไต้หวันมากๆ สำหรับผมนั้นมาทุกครั้งต้องกินทุกครั้งไป เพราะว่ามีทุกอย่างเป็นบุฟเฟต์จริงๆ ซึ่งรวมทั้งเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ Soft drink หรือว่าชา และสำหรับสาวๆคงจะชืื่นชอบเป็นพิเศษกับไอศรีมที่มีให้ทั้ง Hargen dazs และ Movenpick อ่านไม่ผิดหละครับ เป็นไอศรีมบุฟเฟต์ด้วย มีหรือจะอดใจไหว จัดหนักกันอีกมื้อก่อนกลับครับ
ส่วนในตอนท้ายก็เดินเล่นทิ้งทวนครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าเดินได้ไม่เบื่อครับ ของมีเยอะมากจริงๆ แต่จะติดตรงที่สินค้าบางอย่างถ้าหาเจอแล้วต่อราคาหละซื้อเลยนะครับ สำหรับร้านบางร้านที่วางบนถนนนั้น จริงๆแล้วเค้าไม่ให้ขายครับ พวกนี้เค้าจะมีทักษะอยู่แล้วถ้าหากว่าตำรวจจะมา ร้านจะหายวับไปในพริบตา และจะย้ายที่ทันที จนเราหาไม่เจอเอง ฉะนั้นถ้าสนใจอะไรยังไงแนะนำให้จัดเลยนะครับ ยกเว้นร้านที่มีร้านรวงก็หาดูซื้อได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
สำหรับการไปไต้หวันแต่หละครั้งนั้นเป็นการเดินทางที่สนุกสนานครับโดยเฉพาะในโซนเมือง เพราะว่าสามารถหาซื้อของได้ค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ลองเดินเล่นดูก่อน เพื่อสืบเสาะราคานะครับ ผมจะนำเรื่องราวต่างๆมาให้ชมกันใหม่ในปีหน้าสำหรับทริปที่ไต้หวันครับ แล้วพบกันใหม่นะครับ ^___^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น