สวัสดีครับห่างหายกันไปซักพัก วันนี้ได้มีเวลามานั่งเขียนซะที หลังจากกลับมาจากไต้หวันเกือบ 1 อาทิตย์นึง ผมเดินทางไปไต้หวันเป็นเวลาทั้งหมด 14 วันด้วยกัน วันนี้เลยน่าจะต้องมีไตรภาคเกี่ยวกับบทความที่ไต้หวันกัน
มาดูกันครับว่าเราจะไปเจอกับอะไรบ้าง และมีอะไรน่าตื่นเต้นกันบ้าง
เรื่มกันที่วันแรกเลยหละกันครับ ผมเดินทางโดยสายการบินไทยในเที่ยวแรกของวันเลยครับ เดินทางจากประเทศไทยเวลา 7.10 ซึ่งจะเดินทางถึงประเทศไต้หวันเวลา 11.50(เวลาในไทย 10.50 เนื่องจากเวลาไต้หวันไวกว่าประเทศไทย 1 ชม. ครับ) โดยการไปครั้งนี้ผมต้องอยู่ในเมือง Taoyoun ซึ่งจะอยู่ห่างจากเมือง Taipei ไปประมาณ 1 ชมครับ
อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าผมเดินทางด้วยสายการบินไทย ต้องบอกเลยว่าประทับใจกับเครื่องบินมากๆ เพราะว่าเที่ยวบินที่บินไปนั้นคือ Airbus 777-300 และด้วยมีหน้าจอส่วนตัวมีหนังให้เลือกตามใจชอบในระดับนึง พร้อมทั่้งมีช่องสำหรับเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคด้วย ซึ่งเหมาะมากสำหรับยุคนี้ครับ และที่สำคัญเครื่องรุ่นนี้นั้นรองรับการใช้งาน Wifi ด้วยหากว่าต้องการก็สามารถแจ้งพนักงานบนเครื่องได้ แต่ผมมะได้ขอนะครับ เพราะว่าเพลินกับการดูหนังแค่สองเรื่อง (เวลาเดินทางใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงกับอีก 40 นาทีเท่านั้นครับ)
ใช้เวลาเดินทางได้ไม่นานนักผมก็ถึงที่สนามบิน Taoyoun International Airport ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินหลัก (ในไทเปจะมีสนามบินย่อยอีกสนามบินชื่อ Shongshan Airport) หลังจากลงจากเครื่องผมก็ได้เดินทางออกมาเพื่อเดินทางไปยังที่พัก แต่ด้วยเนื่องจากวันที่เดินทางไปนั้นเกิดเป็นไข้ขึ้น
ซึ่งทางประเทศไต้หวันนั้นกำลังกลัวการระบาดของโรคไข้หวัดนก ซึ่งทางด่านตรวจคนก็อนุญาติให้ผมผ่านเข้าไปได้โดยที่ขอทำการเก็บตัวอย่างของเลือด พร้อมทั้งส่งรายละเอียดตามมาทีหลัง และที่สำคัญทางด่านยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆโดยยังมอบเต็นท์กันยุงพร้อมกับยากันยุงให้ผมมาอีก เรียกว่าใส่ใจมากๆครับ ^___^
เมื่อถึงที่พักก็ไม่รอช้า เข้าห้องพักทันที่ที่ Holiday Inn Express Taoyoun ซึ่งผมพักที่นี้ทั้งหมด 8 วันด้วยกันทำให้ได้บัตรสมาชิกมาด้วยสำหรับสะสมเพื่อรับที่พักฟรี (แหล่มจุงเบย) ก็ไม่รอช้าครับ
เรื่มที่จะสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง เพราะว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาเยือนไต้หวันและได้พักอยู่ในเขต Taoyoun เพราะว่าส่วนใหญ่จะพักที่ Taipei นั้นเองครับ หลังจากนั้นไม่นานผมก็เดินหาเป้าหมายนั้นก็คือ 7-11 นั้นเอง ต้องบอกไว้ก่อนเลยสำหรับท่านที่ไม่เคยมาที่ไต้หวันนี้ ร้าน 7-11 ที่นี้นั้น เป็นร้านสะดวกซื้ออย่างแท้จริง เพราะว่ามีทั้งห้องน้ำ ที่นั่งกิน ให้พร้อมเสร็จสรรพ พูดง่ายๆคือมาที่ร้านนี้นั้น ครบทุกสื่ง อย่าง และที่สำคัญที่ร้าน 7-11 ที่นี้นั้น สามารถจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เรียกรถแท็กซี่และอื่นๆได้อย่างครบวงจรของจริงครับ
และอย่างที่เห็นก็โดนจัดไปครับกับแกงกระหรี่ไก่ และซูชินั้นเอง ราคาประมาณร้อยกว่าบาทนิดๆครับ อร่อยเลยทีเดียว อิ่มกันไปอีกหนึ่งมื้อ
ส่วนในช่วงเย็นๆก็ได้อานิสงค์จากเพื่อนชาวไต้หวันพาไปกินอาหารเลิศรสอีกอย่างที่เรียกว่า หม้อไฟไก่ ซึ่งรสชาติจัดจ้านใช้ได้ (คนไต้หวันนิยมอาหารค่อนข้างที่จะจืดนิดหน่อย) ตามด้วย บวบผัดไข่เค็ม พร้อมเสริฟ์กับน้ำกีวี่ ผสมกับว่านหางจระเข้ เอร็ดอร่อยจบกันไปกับวันแรก ก็กลับมาลุยงานกันต่อครับ
ส่วนในวันถัดมานั้นผมได้เดินทางไปที่สำนักงานในประเทศไต้หวัน (ไปทำงาน แต่แอบแว็บเที่ยวด้วย) หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสไปกินอาหารพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน และต้องบอกทุกท่านที่คิดจะไปไต้หวันว่า อย่าได้ตกใจกับราคาของสินค้านะครับ ถ้าเทียบกันแล้วก็พอๆกับบ้านเราที่กินในห้าง เป็นร้านอาหารต่างชาติ แต่ปริมาณที่มานี้สาวๆอาจจะกินได้สองคนเลยทีเดียว
อย่างเช่นเซ็ทที่ผมกินนี้นั้น บอกได้เลยครับว่าผมกินจุมาก แต่ก็ถึงกับจุกกันเลยทีเดียว มาดูกันครับว่าในเซ็ทมีอะไรให้บ้าง
มาถึงจานหนัก แต่ยังไม่หนักสุด เพราะว่าจานนี้เสริฟ์สลัดมาให้พร้อมข้าว มันฝรั่งและพุดดิ้งครับ ที่สำคัญขนมปังอร่อยด้วยผมหละชอบมากๆกับรสชาติขนมปังร้านนี้ และที่สำคัญมีเมล่อนมาให้ด้วยเพื่อกินล้างปาก
และก็มาถึงจานหนักสุด แบบว่าเห็นแล้ว นี้หละครับที่รอคอย ต้องบอกก่อนเลยว่าไต้หวันเป็นประเทศหนึ่งในลิสของผมเลยก็ว่าได้ที่มีเนิ้อชั้นดีอยู่ ถ้าหากว่าใครชอบกินเนื้อ ผมบอกได้เลยว่านี้คือสวรรค์ดีๆอีกประเทศหนึ่งที่ควรจะมากินเนื้อที่นี้ครับ (รวมถึงอาหารทะเลด้วยครับ สดมากๆเพราะว่าประเทศเป็นเกาะมั้ง)
ส่วนเครื่องดื่มที่เสริฟ์มาคือ ชาดำใส่มะนาวและเนื้อแอปเปิ้ลครับ เป็นอะไรที่ล้างปากได้ดีมากครับ ถ้ามีโอกาสมาควรจะกินชาให้เยอะๆนะครับ เพราะว่าที่นี้ขึ้นชื่อมาก มีหลากหลายมาด้วยทีเดียวสำหรับชา
ส่วนในช่วงเย็นๆผมก็ได้ไปกินร้านติ่มซ่ำแถวออฟฟิศ ที่ผมได้เจอกับรักแท้สำหรับอาหารอีกอย่างสำหรับไต้หวันครับ นั้นก็คือ เกี๊ยวซ่าเนื้อ หรือ Beef Dumping ครับ บอกได้เลยว่าผมไม่เคยเจอที่ไหนในประเทศไทย ดังนั้นเมื่อเพื่อนถามว่าจะกินอะไร และได้ยินว่ามีอาหารนี้อยู่ ไม่พลาดอยู่แล้วที่จะลองและบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังครับ รสชาติสุดยอด ไม่ต่างจากติ่มซ่ำอย่างหรูในบ้านเรา น้ำเนื้ออร่อยมาก กัดไปเจอแต่เนื้อกับน้ำซุปครับ
และผมก็ไม่พลาดที่จะไปเดินตลาดกลางคืนครับ ซึ่งถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของไต้หวันเลย เพราะว่าไต้หวันนั้นมีตลาดกลางคืน หรือ Night Market เยอะมากๆ ซึ่งสื่งที่อยู่ทุกตลาดคือ เต้าหู้เหม็น หรือ Stricky Tofu เพราะว่าถือเป็นของปกติสำหรับคนไต้หวัน เหมือนๆกับข้าวผัดกระเพรา หรือว่าส้มตำ ตามบ้านเราครับ
หลังจากจบจากเต้าหู้เหม็นที่ได้เห็นไปนั้นมี แบบทอดและแบบต้ม ผมก็ยังไม่จบเท่านั้นครับ ผมยังลุยต่อด้วย Tempanyaki ซึ่งอร่อยมากๆครับ อาหารที่ได้มาสดมาก และรสชาติก็ไม่เลวเลยทีเดียวครับ
สำหรับค่ำคืนอันยาวนานนั้น มีให้กินเยอะแยะมากครับ ในครั้งหน้าผมจะเอาเรื่องราวมาให้ชมกันถึงตลาดกลางคืนของไต้หวันอีก ว่ามีสินค้าอะไร อาหารอะไรต่างๆมาให้ชมกันอีก ในตอนหน้า ส่วนท่านใดที่ชื่นชอบการวิ่งก็เป็นอีกกิจกรรมนึงที่ผมได้ทำตอนที่อยู่ Taoyoun เพื่อผ่อนคลาย และ บอกได้เลยว่าคิดไม่ผิดครับที่ได้ไปประเทศนี้เพื่อทำงานและพักผ่อนครับ
สำหรับในตอนหน้าผมจะเอาเรื่องราวภายใน Taipei มาให้ชมกันครับ แล้วเจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้ครับผม^____^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น